วัคซีนป้องกันไข้เลือดออกชนิดใหม่ สามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 4 ปี ขึ้นไป
โดยฉีดจำนวน 2 เข็มเท่ากัน ห่างกัน 3 เดือน
เนื่องจากโครงสร้างของวัคซีน กระบวนการผลิตและหลักการในการผลิตของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน จึงอาจส่งผลต่อ ข้อบ่งใช้ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัยของวัคซีน รวมไปถึงจำนวนเข็มและระยะห่างของการฉีดวัคซีนแต่ละเข็มที่แตกต่างกัน
โดยวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกที่มีจำหน่ายในประเทศไทยมี 2 ชนิด ได้แก่
ชนิดที่ 1 : วัคซีนป้องกันไข้เลือดออกชนิดเดิม ผลิตที่ประเทศฝรั่งเศส ฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 - 45 ปี สามารถฉีดได้เฉพาะคนที่เคยติดเชื้อไข้เลือดออกมาก่อนเท่านั้น หากไม่มีประวัติการติดเชื้อยืนยัน ต้องทำการตรวจเลือดก่อนการฉีดวัคซีน ฉีด 3 เข็ม ห่างกัน 6 เดือน (ที่เดือน 0, 6 และ 12)
ชนิดที่ 2 : วัคซีนป้องกันไข้เลือดออกชนิดใหม่ ผลิตที่ประเทศเยอรมนี ฉีดได้ตั้งแต่อายุ 4 ปี ขึ้นไป สามารถฉีดได้ทั้งในคนที่เคยและไม่เคยติดเชื้อไข้เลือดออกมาก่อน คือ ทุกคนสามารถฉีดได้โดยไม่ต้องทำการตรวจเลือดก่อนการฉีดวัคซีน ฉีดเพียง 2 เข็ม ห่างกัน 3 เดือน (ที่เดือน 0 และ 3)
แนะนำให้ผู้ที่หายจากไข้เลือดออกแล้ว เว้นระยะห่างอย่างน้อย 6 เดือน ก่อนมารับวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก เนื่องจากหลังจากติดเชื้อร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคไว้แล้ว ซึ่งจะลดน้อยลงตามเวลาผ่านไป การฉีดวัคซีนในช่วงที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อโรคสูง อาจลดประสิทธิภาพของวัคซีนได้
เป็นกลุ่มเปราะบางที่อาจจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นไข้เลือดออกรุนแรงกว่ากลุ่มอื่น นั้นใกล้เคียงกับกลุ่มเปราะบางของโรคโควิด-19 และโรคไข้หวัดใหญ่ ได้แก่
กลุ่มคนอ้วน
กลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคธาลัสซีเมีย โรคเลือด โรคไต เป็นต้น
กลุ่มผู้สูงอายุ เนื่องจากกลุ่มนี้อาจจะมีภูมิต้นทานต่ำและมีโรคประจำตัวร่วมหลายโรค
หากใครอายุอยู่ในเกณฑ์นี้ควรรีบคว้าโอกาสป้องกันไว้ตั้งแต่วันนี้
ปัจจุบัน ประเทศไทยอนุมัติให้ใช้ได้จนถึงอายุ 45 ปี
ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับวัคซีนตั้งแต่วันนี้ยิ่งป้องกันก่อนยิ่งดีกับตัวคุณเอง
วัคซีนยังคงมีประโยชน์ แต่อาจจะน้อยกว่าผู้ที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์หรือเคยติดเชื้อมาก่อน
- อีกอย่างไม่ได้หมายความว่าผู้ที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้วจะติดเชื้อทุกคน
- แม้จะเคยติดเชื้อมาแล้วก็ยังสามารถป้องกันสายพันธุ์อื่นๆหรือการติดเชื้อซ้ำได้อีกด้วย
โดยเฉพาะวัคซีนที่สามารถครอบคลุมได้หลายสายพันธุ์ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งหรือโรคต่างๆ
มีความเป็นไปได้ที่แฟนของคุณอาจเคยได้รับเชื้อมาก่อนอยู่แล้ว และเชื้อ HPV นั้นสามารถติดต่อ
ได้ง่ายมากๆ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้โดยไม่รู้ตัว
เพราะจริงๆแล้วเชื้อ HPV มีอยู่ที่อวัยวะอื่นๆนอกการครอบคลุมของถุงยางอนามัยด้วย
ไม่มีผลกระทบใดๆไม่จำเป็นต้องรอผลและยังเพิ่มความสะดวกประหยัดเวลาด้วยนะ